Recent Movies

ID4 : สงคราม วันดับโลก

Independence Day

ID4 : สงคราม วันดับโลก

เข้าฉาย         :   July 2’ 1996
กำกับโดย      :   Roland Emmerich
นำแสดง        :   Will Smith, Bill Pullman, Jeff Goldblum, Mary McDonnell, Judd Hirsch, Margaret Colin, Randy Quaid, Robert Loggia, James Rebhom, Harvey Fierstein, Vivica A. Fox
รายได้           :   Box Office = $817,400,891    (ทุนสร้าง = $75,000,000 )
ประเภท        :   Action / Sci-Fi / Thriller
ความยาว       :   145 minutes


Independence Day เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปีที่ออกฉาย แม้ว่า ณ ขณะนั้นมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่แอตแลนต้า อยู่ด้วย โดยที่ภาพยนตร์สามารถทำสถิติรายได้อันดับหนึ่งใน Box Office ยาวนานถึง 3 เดือน และได้ชนะเลิศรางวัลออสการ์ 1 สาขา คือ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม


Trailers




เนื่องจากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ในการออกฉายทั่วโลก ทำให้ในปี ค.ศ. 2010 ทีมผู้สร้างได้ประกาศจะสร้างภาคต่อ ของ Independence Day ถึง 2 ภาคด้วยกัน โดยใช้ชื่อว่า "ID4-ever: Part I" หรือ "ID4 Forever" มีกำหนดเข้าฉายในปี 2016 และอีกภาคหนึ่งจะใช้ชื่อว่า "ID4-ever: Part II" (ยังไม่มีกำหนดฉาย) ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ต่อจากภาคแรก และโรแลนด์ เอ็มเมอริค (ผู้กำกับฯ) ต้องการให้ “วิลล์ สมิธ” กลับมารับบทเดิม แต่มีข่าวว่า สมิธปฏิเสธ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าทางผู้สร้างอาจจะปรับบทให้ ไมเคิล บี. จอร์แดน ซึ่งรับบทเป็นลูกเลี้ยงของสมิธในภาคแรก มารับบทนำนี้แทนก็เป็นได้



เรื่องย่อ . . .


เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับกองทัพมนุษย์ต่างดาว ผู้มาเยือน แบบสงครามจู่โจมไม่ให้ทันตั้งตัว วัตถุประสงค์ คือ เพื่อยึดครองโลก และทำลายล้างเผ่าพันธุ์มวลมนุษยชาติให้สิ้นซาก ปรากฏการณ์ความน่าสะพรึงกลัวได้เริ่มต้นขึ้นจากรหัสลับ  ที่ส่งผ่านจักรวาลมายังโลกโดยยานอวกาศขนาดยักษ์ ซึ่งใช้ดาวเทียมของมนุษย์เจาะเข้ามายังเมืองหลวงของทุกทวีปทั่วโลก


โดยภาพถ่ายจากดาวเทียมปรากฏให้เห็นยานแม่ ขนาดความกว้างกว่า 550 กิโลเมตร หรือ 1 ใน 4 ของดวงจันทร์ และยานแม่ได้ส่งยานลูกนับสิบๆ ลำ โดยแต่ละลำก็มีขนาดใหญ่กว่า 15 ไมล์ และกำลังเคลื่อนเข้าสู่เมืองใหญ่ทั่วโลก โดยประธานาธิบดี วิทมอร์ และคณะรัฐมนตรี ต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรกับสถานการณ์อุกฤษฏ์นี้  จึงมีคำสั่งเบื้องต้นคือ ให้อพยพประชาชนทั้งหมดออกจากเมืองหลวงในทันที


วันที่ 3 กรกฎาคม ผู้กองฮิลเลอร์ และทหารจำนวนหนึ่ง ได้พยายามที่ใช้เครื่องบินรบสู้กับจานบิน แต่จานบินนั้นมีเกราะสนามพลังอยู่ จึงไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย ผู้กองฮิลเลอร์ จึงใช้วิธีหลอกล่อให้จานบินลำหนึ่งไปชนภูเขา และได้นำร่างของมนุษย์ต่างดาวซึ่งสลบอยู่ ไปยังฐานทัพที่เขาเห็นระหว่างบิน โดยที่บนแอร์ฟอร์ซวัน จูเลี่ยน พ่อของเดวิดก็ได้เสนอความคิดเพี้ยนๆ ขึ้นมาถึงเรื่องแอเรีย 51 สถานที่ลับของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่กลายเป็นว่าสถานที่แห่งนี้กลับมีอยู่จริง และทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปที่แอเรีย 51 ในขณะนั้นผู้กองฮิลเลอร์ก็มาถึง แอเรีย 51 พร้อมกับร่างของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งทุกคนก็ได้รับรู้ความจริงว่า แอเรีย 51 นั้น ได้เคยมีการจับตัวมนุษย์ต่างดาวไว้ได้ถึง 3 ตัว แต่เสียชีวิตจากยานตกในปี ค.ศ. 1947 พร้อมกับยานต่างดาวอีก 1 ลำ


หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ ดร.โอเคน ได้ทำการผ่าตัดมนุษย์ต่างดาวที่ผู้กองฮิลเลอร์จับมาได้ แต่ทว่ามันหลุดรอดออกมาพร้อมสะกดจิตเขาไว้ มนุษย์ต่างดาวได้สื่อสารกับประธานาธิบดีผ่านทาง ดร.โอเคน และได้รู้ว่าพวกมันเหมือนฝูงตั๊กแตนที่อพยพไปเรื่อย ๆ เพื่อหาแหล่งอาหารใหม่ และเมื่อสูบกินอาหารและทรัพยากรต่าง ๆ จนหมด ก็จะอพยพไปดาวดวงอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งโลกมนุษย์ก็กำลังเป็นเหยื่อต่อไปของพวกมัน มนุษย์ต่างดาวใช้พลังจิตทำร้ายประธานาธิบดี "วิทมอร์" แต่สุดท้ายก็ถูกฆ่าตาย วิทมอร์จึงตัดสินใจสั่งให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้าโจมตี แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรจานบินได้เลยแม้แต่น้อย


วันที่ 4 กรกฎาคม ท่ามกลางความสิ้นหวัง เดวิดพยายามหาทางที่จะเจาะระบบเกราะสนามพลังให้ได้ และพบว่าไวรัสคอมพิวเตอร์สามารถปิดเกราะของจานบินได้ชั่วคราว พวกเขาจึงเตรียมการใช้จานบินลำที่ตกลงมาในปี ค.ศ. 1947 ขึ้นไปอัปโหลดไวรัสบนยานแม่ และวางระเบิดนิวเคลียร์ภายในยาน ส่วนนักบินที่เหลือให้รวมตัวกัน เพื่อรอคำสั่งทำลายยานต่างดาวขณะที่เกราะยังปิดอยู่ โดยใช้รหัสมอสเป็นการสื่อสารแทนดาวเทียมที่ถูกต่างดาวยึดไป และให้ส่งข้อความไปยังฐานทัพทั่วโลกให้รอคำสั่งเข้าโจมตีพร้อม ๆ กัน ทำให้จานบินเกิดปฏิกิริยาเป็นลูกโซ่ และถูกทำลายลงในที่สุด


ความหวังสุดท้ายของโลก คือ การผนึกกองกำลังของผู้รอดชีวิตทั้งหมด ตอบโต้ผู้รุกรานนอกพิภพ เพื่อปกป้องโลก และเหล่ามวลมนุษย์ พร้อมทั้งนำสันติภาพกลับคืนมาให้จงได้ ก่อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถึงกาลอวสาน










Ref :
  

Ace Ventura - II : ซุปเปอร์เก๊ก กวนเทวดา

Ace Ventura : When Nature Calls

ซุปเปอร์เก๊ก กวนเทวดา

เข้าฉาย         :   November 10’ 1995
กำกับโดย      :   Steve Oedekerk
นำแสดง        :   Jim Carrey, Ian McNeice, Simon Callow, Maynard Eziashi, Bob Gunton, Sophie Okonedo, Tommy Davidson
รายได้           :   Box Office = $212,385,533    (ทุนสร้าง = $30,000,000 )
ประเภท        :   Comedy

ความยาว       :   90 minutes



Trailers



เรื่องย่อ . . .

กลับมาอีกครั้ง กับ เอซ เวนทูร่า ผู้ช่วยชีวิตปลาโลมาน้อยไว้ได้ในภาคแรก แต่มาภาคนี้ เขามีหน้าที่ไปช่วยชีวิต แรคคูนน้อยตัวหนึ่ง แต่เขากลับทำไม่สำเร็จ ทำให้แรคคูนน้อยต้องตกเขาตาย เขาเสียใจมาก และได้ไปปลีกวิเวกอยู่ในวัดบนเขาใน ทิเบต 


หลังจากนั้น ต่อมา มีเรื่องเกิดขึ้น เมื่อสัตว์สำคัญของเผ่าหนึ่งใน แอฟริกาได้หายตัวไป ร้อนถึง "เอซ เวนทูร่า" ที่ต้องเข้ามาสืบหาคืนอีกจนได้ ถ้าไม่อย่างนั้น จะต้องเกิดสงครามระหว่างเผ่าอย่างรุนแรง 


เอซ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที เพื่อคลี่คลายคดีนี้ให้ได้ เขาต้องไปยัง แอฟริกา ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อค้นหาค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่หายไป






Ref :
  

Ace Ventura - I : นักสืบ ซุปเปอร์เก๊ก

Ace Ventura - I : Pet Detective
นักสืบ ซุปเปอร์เก๊ก (ภาค 1)

เข้าฉาย           : February 4’ 1994
นำแสดง          : Jim Carrey, Courteney Cox, Sean Young, Dan Marino
กับกำโดย        : Tom Shadyac
รายได้              : $107,217,396     (ทุนสร้าง $15,000,000)
ประเภท           : Comedy
ความยาว        : 86 mins.

Trailers

เรื่องย่อ :
เอซ เวนทูร่า (Jim Carrey ) นักสืบสารพัดสัตว์ที่เดิมทีรับงานสืบเล็กๆน้อยๆไปเรื่อย มีความสามารถพิเศษ รู้ใจสัตว์ รู้เรื่องสัตว์ระดับสุดยอด มีความสนิทสนมกับสัตว์อย่างมาก และ แล้ว ปลาวาฬอันเป็นมาสค็อตของทีมดอลฟินเกิดหายไป เอซ เวนทูร่า จึงต้องออกตามหา


ซึ่งยังต้องตามสืบคดีฆาตกรรมอีกต่างหาก เพราะว่าเรื่องราวนี้มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง และพวกนั้นต้องมีแผนการร้ายกาจแน่นอน แบบนี้ยอดนักสืบจอมเก๊กคงไม่อาจรอช้า ต้องลากคอมันออกมาให้จงได้







Ref :
      

A Perfect Murder : เจ็บหรือตาย อันตรายเท่ากัน

A Perfect Murder :
เจ็บหรือตาย อันตรายเท่ากัน





เข้าฉาย         :   June 5’ 1998
กำกับโดย      :   Andrew Davis
นำแสดง        :   Michael Douglas, Gwyneth Paltrow, Viggo Motensen, David Suchet
รายได้           :   Box Office = $128,038,368    (ทุนสร้าง = $60,000,000 )
ประเภท        :   Crime / Thriller
ความยาว       :   108 minutes


ภาพยนตร์ฆาตกรรมระทึกขวัญ    ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม 
ความซับซ้อน และ บทสนทนาที่เฉียบคม 
ไมเคิล ดั๊กลาส กวินเน็ธ พัลโทรว์ และวิกโก มอร์เทนสัน พบกันในผลงานกำกับของ
แอนดรูว์ เดวิส (The Fugitive) ที่ดัดแปลงจากบทละคร Dial M For Murder ของเฟรเดอริค นอทท์ 
ซึ่งอัลเฟรด ฮิชค็อก ได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วในปี 1954


ภาพยนตร์ของฮิตช์ค็อก มักจะนำเสนอตัวละครที่มีจิตใจแปรปรวนผิดปกติ
หรือ คนที่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ  ซึ่งได้บ่งชี้ให้เห็นว่าโลกแห่งละคร 
หรือ ในความเป็นจริงไม่มีมุษย์ผู้ใดสมบูรณ์แบบดีพร้อม


Trailers


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนปม คุณไม่ควรพลาดชมภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้ กับเรื่องราว ที่หักมุม อย่างไม่คาดฝัน เหมือนที่สตีเว่น ตัวเอกของเรื่องผู้คิดแผนร้าย สุดแยบยล แต่ก็ถูกย้อนกลับอย่างที่ตนไม่คาดคิด ซึ่งเขาต้องแก้เกมส์ ตลบแตลง ด้วยไหวพริบชั่วร้าย แต่เขาจะมีชัย เหนือเหยื่อของตนได้หรือไม่ คำตอบนั้น จะกระชากลมหายใจคุณให้หยุดเต้นชั่วขณะ


เรื่องย่อ . . .

ดูผิวเผิน สตีเว่น เทย์เลอร์ นักธุรกิจใหญ่แห่งวอลสตรีท ดูเสมือนเป็นสามีที่ดี แต่โฉมหน้าแท้จริงนั้น...ไม่   เฉกเช่นเดียวกับภรรยาสาวสวยของเขา ผู้ซึ่งดูเหมือนเป็นภรรยาที่แสนดี และซื่อสัตย์ แต่. . .เธอไม่ใช่


“สตีเว่น เทย์เลอร์” (ไมเคิล ดักลาส) ผู้จัดการ กองทุนป้องกันความเสี่ยง ของวอลล์สตรีท มีสังคมชั้นสูง การดำเนินชีวิตที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย มีภรรยาที่แสนสวย ซึ่งอายุน้อยกว่าเขามาก “เอมิลี่ แบร็ดฟอร์ด” (กวินเน็ธ พัลโทรว์)


แต่แล้ว.. ภรรยาแสนสวย แถมยังรวยทรัพย์ของเขา ไปลักลอบมีชู้ กับ เดวิด ชอว์ (วิกโก้ มอร์เตนเสน) ศิลปินไส้แห้ง  ซึ่งแม้ “สตีเว่น” จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังทำเป็นไม่รู้ เพราะความมีหน้าตาในสังคมชั้นสูง แน่นอน “สตีเว่น” รู้สึกเสียหน้า และเจ็บใจ ที่ภรรยามีชู้ เขาจึงคิดวางแผนอันแยบยล เพื่อแก้แค้นทั้งเมียรักและชายชู้อย่างสาสม 


รวมทั้งเหตุเพราะธุรกิจการค้าที่เขาลงทุนเก็งกำไรขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะพังพินาศอยู่รอมร่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขายอมรับไม่ได้ เขาจำเป็นต้องดำเนินแผนการอะไรบางอย่าง ซึ่งนอกจากจะได้แก้แค้นชู้รัก กับเมียผู้สวมเขาแล้ว เขาจะยังได้รับมรดกร่วมร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเงินประกันชีวิต ภายหลังการตายของภรรยาอีกด้วย เงินที่จะทำให้เขาพลิกฟื้นกลับขึ้นมาผงาดยืนหยัดอยู่ในสังคมชั้นสูงต่อไปได้


แผนการร้าย ของสตีเว่น จึงเริ่มต้นขึ้น ... โดยการว่าจ้างชู้รักของเอมิลี่ให้ฆ่าเธอ มันดูเหมือนเป็นแผนการฆาตกรรมที่แนบเนียนไร้ข้อผิดพลาด แต่...ทว่าไม่!  เมื่อเขากลับถูกซ้อนแผน เกมส์ซ่อนกล ชิงไหว ชิงพริบ จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างสุดแสนที่จะคาดเดา


เนื้อเรื่องและตัวละครแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครดีพอ ที่จะทำให้คนดูรู้สึกสมเพชเวทนาในชะตากรรม แม้แต่ตัวเอกอย่างสตีเว่น เทย์เลอร์ ที่ถูกสวมเขา ก็ถูกมองว่าเป็นบุคคลร้ายกาจเหนือความคาดหมาย เขาพลิกแพลงแผนชั่วไปตามเกมส์ เพื่อไม่ให้ถูกเล่นงานตลบหลัง และเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง  คนดูอาจชอบใจในความเฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์แสนกลของเขาที่ไม่เปิดช่องโหว่ให้ความผิดสาวไปถึงตัวได้ แต่นั่นจึงทำให้ผู้ชมไม่เห็นใจสตีเว่นที่ถูกภรรยาสวมเขา


"สตีเว่น" สืบได้ว่า “เดวิด” ไม่ใช่ศิลปินที่จบจากสถาบันดังแห่งไหน แต่กลับเป็นพวกแก๊งสิบแปดมงกุฏ เที่ยวต้มตุ๋น ปอกลอกเงิน ของสาวแก่แม่ม่ายเป็นอาชีพ ถึงขั้นถูกจับติดคุกมาพักใหญ่ "สตีเว่น" รู้จักสันดานของ "เดวิด" ว่าหิวเงิน จึงวางแผนเอาเงินฟาดหัว "เดวิด" เพื่อจ้างให้เขาแอบเข้าไปสังหาร "เอมิลี่" ในอพาร์ตเม้นต์หรูของตน แต่แผนที่วางไว้อย่างละเอียดตามขั้นตอนเกิดความผิดพลาดมหันต์ แทนที่เอมิลี่จะตกเป็นเหยื่อ หล่อนกลับฆ่าคนร้ายตายคามือ สตีเว่นซึ่งทำทีกลับจากเล่นไพ่นอกบ้านมาพบภาพที่เขาไม่คาดฝัน ด้วยความกลัวว่าความผิดจะสาวมาถึงตัวจึงรีบทำลายหลักฐานจากศพ แต่เขาหารู้ไม่ว่าตนเองกำลังทำพิรุธ ทำให้เรื่องราวไม่จบลงเพียงเท่านี้ สตีเว่นตกเป็นจำเลยเรื่องที่เขาจัดฉากขึ้นมาเอง เกมส์ปริศนาพิศวาสฆาตกรรมจะลงเอยอย่างไร . . . เชิญติดตามได้ในภาพยนตร์


ส่วน “เอมิลี่ แบร็ดฟอร์ด” คือผู้หญิงที่ไม่มีใครยอมรับได้ เพราะเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี ถึงแม้จะตกเป็นเหยื่อของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เธอก็พร้อมจะตีจากเขาเมื่อพบผู้ชายที่ถึงใจกว่า ไม่เคยแคร์ว่าก่อนนั้นเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยามาอย่างไร แม้คนดูจะทราบรายละเอียดว่าทำไมเอมิลีจึงหมดศรัทธาต่อสตีเว่น แต่มีอยู่ประเด็นหนึ่ง คืออายุต่างกันราวพ่อกับลูก และ ชู้รักปรนเปรอ พะเน้าพะนอเอาใจเธอได้ดีกว่า ในบทของ "กวินเนธ พัลโทรล์" ที่ดูจะไม่ต่างไปจากบทในเรื่อง "เกรท เอ็กซเพ็นเทชั่น" ที่เธอแสดงเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนแอ โลเล และไม่ทันคน


และสุดท้ายคงไม่มีใครสงสาร “เดวิด ชอว์” ศิลปินกำมะลอ กากเดนสังคม แม้เขาจะมีใจรักเอมิลี่อยู่พอประมาณ แต่สันดานดิบที่เห็นแก่เงิน ทำให้เขาเล่นไปตามเกมส์โหดที่สตีเว่นวางไว้อย่างเลือดเย็น เดวิดระบายความรู้สำนึกผิดในภาพวาด เพื่อปลดเปลื้องบาป และหาทางแก้เผ็ด "สตีเว่น" อย่างเจ็บแสบ แต่ก็ไม่สามารถชี้วัดตัดสินได้ว่าเขาแคร์เอมิลี่ หรือ เงินก้อนโตมากกว่ากัน  ซึ่ง "วิกโก้ มอร์เตนเสน" พยายามจะสื่อให้คนดูรู้สึกถึงตัวตนของเดวิด ในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีกำพืดไพร่ สถุล หัวขโมย เป็นระยะๆ บทบาทไม่โดดเด่นอะไรมากนัก แต่เขาก็แสดงออกมาได้ดี ซึ่งถ้าเทียบกับบทบาทของกษัตริย์ "อารากอน" แห่งภาพยนตร์มหาภาพย์ ไตรภาคเรื่อง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ที่ทำให้เขาดูสง่า โดดเด่น และโด่งดังมีชื่อเสียงมากทีเดียว

 

ไมเคิล ดักลาส สวมบทบาทเจ้าของวานิชธนกิจ ซึ่งบังเอิญไปตรงกับบทพ่อมดตลาดหุ้นที่เขาคว้ารางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง วอลสตรีท และเรื่องราวของ มหาเศรษฐีจอมโหด ที่สมควรได้รับบทเรียนอย่างเจ็บปวดในภาพยนตร์เรื่อง เดอะ เกมส์ เขาพิสูจน์ศิลปะการแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า ผู้ชายร้ายลึกและฉลาดล้ำเป็นเลิศ ก็พลาดท่าเสียทีได้ เพราะความเป็นคนมั่นใจตัวเองเกินไป 


ความสนุกตื่นเต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงอยู่ที่การชิงไหวชิงพริบของตัวละครเอกทั้งสาม ทำให้ผู้ชมต้องตามลุ้นกันว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ใครฉลาดล้ำ และมีไหวพริบแก้เกมส์ได้ดีที่สุด และผู้นั้นคือผู้ชนะในเกมส์นี้






Ref :

   
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2013. Home Cinema - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger